Rice Bran Enzyme
100% natural rice bran enzyme
อบเอ็นไซม์รำข้าว
ที่ศาลารำข้าวโคราช (Salabran KORAT)
ให้บริการอบเอนไซม์รำข้าวจากธรรมชาติ 100%เป็นนวัตกรรมเทคโนโลยี (ตามสิทธิบัตรหมายเลข 5966138)
ตามวิถีของมาสเตอร์ทาเคอุจิ “Nuka Heaven” แห่งเมืองมิกิ จังหวัดเฮียวโงะ ประเทศญี่ปุ่น
การหมักบ่มรำข้าว
เมื่อคุณอบฝังตัวเองลงใน “เอนไซม์รำข้าว” ซึ่งได้มาจากการหมักบ่มรำข้าวด้วยพลังของจุลินทรีย์ (กลุ่มให้คุณประโยชน์) และเอนไซม์ที่จุลินทรีย์หลั่งออกมา ทำให้อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 60 องศา C อันเกิดจากการกระตุ้นและแพร่กระจายจุลินทรีย์ ความอุ่นร้อนเกิดจากการเสียดทานสั่นสะเทือนเคลื่อนไหวภายใน หากทำให้คุณสัมผัสความนุ่มชุ่มชื้นผิวกายสบายๆ ราวกับอยู่ภายใต้อุณหภูมิประมาณ 40 องศา C
ประมาณการว่ามีจุลินทรีย์ถึง 8 พันล้านตัวต่อเอนไซม์รำข้าวในบ่ออบหนึ่งกรัม หากเอนไซม์ถูกหลั่งออกมาอย่างเต็มที่ มันจะทำให้เกิดการสื่อสารกับจุลินทรีย์ 100 ล้านล้านตัวที่อยู่ภายในลำไส้ของเราเพื่อดึงเอาอุณหภูมิ หรือความอุ่นร้อน แสดงถึงการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพที่เราไม่เคยได้สัมผัสก่อน ความอุ่นร้อนนี้จะรู้สึกได้ไปถึงกระดูก เป็นความอุ่นละมุนที่คุณจะสัมผัสได้ มันแตกต่างจากการร้อนวูบวาบอยู่เพียงผิวหนังอย่างที่เคยได้จากการแช่น้ำร้อนหรือการอบไอร้อนใดๆ ซึ่งเป็นการใส่พลังงานความร้อนจากภายนอกเข้าไปอย่างชัดเจนมาก
หลังผ่านไป 10 นาที เหงื่อจะถูกหลั่งออกมาทั่วร่างกาย (จากหนังศรีษะจรดปลายเท้า) อัตราการเต้นของหัวใจจะสูงขึ้น สารพิษที่สะสมอยู่ในร่างกายมานานหลายปีจะถูกขับออกมา ทำให้เกิดประสิทธิภาพการบำบัดรักษาตัวเองจากฐานราก ส่งผลให้ร่างกายอบอุ่นจากภายใน ก่อเกิดพลังธรรมชาติในการรักษาตัวเองเพิ่มสูงขึ้น
สร้างสภาพแวดล้อมให้จุลินทรีย์
ความลึกของบ่อทำให้สภาพแวดล้อมของจุลินทรีย์มีความเสถียรและสามารถดึงพลังงานออกมาใช้ได้ ถ่านมีโครงสร้างโมเลกุลเป็นรูพรุนถูกบรรจุไว้รอบด้านและภายในบ่อเอนไซม์ที่ลึก 1.20 เมตร เพื่อทำหน้าที่กำจัดกลิ่นและทำให้การดำรงชีพของแบคทีเรียแอโรบิค (Aerobic bacteria) คงความบริสุทธิ์และมีเสถียรภาพ
สปาเอ็นไซม์รำข้าวที่เชียงราย(สาขาแรก)เริ่มทำการหมักบ่ม เป็นภาพของมาสเตอร์ทาเคอุจิ ที่กำลังอธิบายว่าต้องมีความลึกอย่างน้อย 80 ซม. และรำข้าวต้องถูกหมักเป็นเวลานานจึงทำให้มีสีคล้ำดำ จากนั้นอาจารย์ได้นำหัวเชื้อเอ็นไซม์ที่นำมาจากหมักรุ่นแรก จากญี่ปุ่น โรยลงบนรำข้าวที่พึ่งเริ่มหมักของเชียงราย (แต่อุณหภูมิก็ใกล้ 60 องศา C แล้ว) เพื่ออธิบายความต่างของสี ตอนแรกเป็นรำข้าวสีอ่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป สีของรำข้าวก็จะกลายเป็นสีเดียวกันกับหัวเชื้อตั้งต้นที่มาจากญี่ปุ่น ใกล้เคียงกับฮัทโจ มิโสะ (หรือมิโสะสูตรดั้งเดิมที่มีชื่อเสียงของจังหวัดไอจิที่หมักบ่มมานานหลายร้อยปีแล้ว)
บางที เมื่อคุณนึกถึงการอบเอ็นไซม์ อาจจะคิดว่ามีกลิ่นแรง หากความแตกต่างระหว่าง Nuka Heaven (นูก้า ภาษาญี่ปุ่นแปลว่ารำข้าว nukadoko คือกล้าเชื้อที่ใช้หมัก) กับการอบเอ็นไซม์รำข้าวแบบทั่วๆ ไปคือ กลิ่น กลิ่นของเอ็นไซม์รำข้าวที่ศาลารำเชียงราย นั้นมีกลิ่นหอมคล้ายโยเกิร์ต หรือโกโก้ บางทีคล้ายขนมปังที่อบเสร็จใหม่ๆ แล้วแต่ช่วงเวลา
น้ำอันเป็นส่วนประกอบสำคัญ ที่สปาศาลารำเชียงราย ใช้น้ำซึ่งมี “พลัง” โดยมีแรงดันสูงจากเครื่องกระตุ้นน้ำ (Mana water) เป็นน้ำที่ใช้หล่อเลี้ยงเอ็นไซม์ ด้วยกลไกการเพิ่มแรงดันทำให้กลุ่มโมเลกุลของน้ำประปา ถูกแรงกระทำให้ละเอียดยิ่งขึ้น เกิดการดูดและกระแทกสลายสารที่อาจเป็นอันตรายออกไป และเปลี่ยนน้ำให้เข้าใกล้น้ำในธรรมชาติที่สดสะอาดปลอดภัย
นอกจากนั้น พลังไฟฟ้าสถิตย์จะถูกชาร์จเข้าไปในโมเลกุลของน้ำซึ่งผ่านเครื่องกระตุ้นนั้นนานเป็นเวลากว่า 6 ชั่วโมง ซึ่งมันจะเริ่งการสลายตัวของรำข้าวที่เป็นอาหารของจุลินทรีย์ การให้น้ำที่มีประจุไฟฟ้าสถิตกับจุลินทรีย์ยังจะช่วยเพิ่มแรงสั่นสะเทือน ทำให้ได้เอ็นไซม์รำข้าวที่ทรงพลัง มีชีวิตชีวามากขึ้นด้วย สปารำข้าวต้นตำหรับ Nuka Heaven ที่เมืองมิกิ จังหวัดเฮียวโกะ ก็ใช้น้ำที่ผ่านเครื่องกระตุ้นชาร์จไฟฟ้าพลังสถิตย์ขนาดใหญ่ด้วย
ผงถ่านกัญชงที่ใส่ในเอ็นไซม์รำข้าว เป็นถ่านที่มีคุณภาพสูง ที่เรากำลังทำการทดลองและวางแผนจะใช้กับการหมักเอ็นไซม์รำข้าวต่อไปในอนาคตอีกด้วย
คุณสามารถจองเข้ามาได้ทางไลน์หรือทางโทรศัพท์ (จากส่วนล่างของเวปไซด์นี้)